Title: Yuletide
Paring: Hyunseong x Jeongmin
Rating: NC-17
Genre: AU, PWP(with a little plot :--P), Romantic, Nonsense
BGM: Youtube Playlist [x]
Ps.
๑. ขออนุญาติแอดมิน ไม่จั่วเรทที่หัวเรื่องนะคะ โคตาระอาย -/-
๒. หาสาระไม่เจอ... (เคยหาเจอซักเรื่องมั้ยล่ะ โว๊ะ!!)
๓. Yuletide aka. Christmas นะคะ
๔. PWP... ไม่รู้กรุณาเสิรช
“ตารางงานว่างไปจนถึงวันที่ 28 นี้นะ...”
“ครับ”
“จะอยู่ค้างมั้ย? ให้พี่มารับเย็นนี้เลยก็ได้นะ... จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาที่พักตอนกลางคืน”
ลีจองมินส่ายหน้าอย่างเชืองช้า ก่อนจะเอ่ยคำลากับหญิงสาวผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาผ่านช่องหน้าต่างของรถโฟล์กสวาเกนสีเขียวมะนาวที่ถูกลดหน้าต่างลงจนสุดโดยไม่ลืมที่จะกำชับกรายๆว่าเจอกันอีกทีวันที่ 28 เรือนผมเงาสีช็อกโกแลตที่เคยเรียบบัดนี้ถูกปัดเล็กน้อยไปตามแรงของลมหนาว
“งั้น...พี่จะขับรถเอาสัมภาระของเราไปไว้ให้ที่สถานเด็กกำพร้าแล้วก็กลับเลยแล้วกันนะ”
เมื่อหมดแล้วซึ่งเรื่องคุย คุณผู้จัดการจึงกดเลื่อนหน้าต่างรถขึ้นกั้นตัวเธอออกจากความหนาวเหน็บและเกล็ดหิมะรูปร่างประหลาดที่พัดแล่นเข้ามาในห้องโดยสารอย่างไม่ได้รับเชิญ เธอยกฝ่ามือขึ้นโบกลากับหนุ่มน้อยในความดูแลของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ริมฝีปากฉาบสีอ่อนของลิปสติกพึมพำออกมาเป็นประโยคที่กำลังเป็นติดปากของผู้คนในยามนี้
“เมอรี่คริสต์มาสครับ”
จองมินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเย็นและน้ำเสียงนุ่มที่ยังไงเสียเธอก็คงจะไม่ได้ยิน เขาค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการส่งคุณผู้จัดการที่กำลังขับรถออกไป
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอุ่นออกมาจนเกิดไอสีขาวตัดกันตามอุณหภูมิที่แตกต่าง ผ้าพันคอขนแกะผืนหนานุ่มขมวดพันเป็นชั้นหนาเหนือลำคอของเขาถูกดึงชายขึ้นปกปิดใบหน้าขาวใสเหลือไว้เพียงแค่ดวงตาเรียวและเรือนผมที่เริ่มมีเกล็ดหิมะเกาะประปราย มือสวยได้รูปกำเอาช่อดอกลิลลี่สองช่อข้างหนึ่งต่างจากอีกค้างที่ถูกซุกเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโอเวอร์โคทสีดำยาวระไปจนถึงต้นขา
ลีจองมินคือดาราหนุ่มผู้โด่งดังและเป็นที่จับต้องมองของคนทั้งประเทศ ด้วยเครื่องหน้าอันอ่อนวัยเกินอายุจริงที่ปาเข้าไปที่ยี่สิบปลายๆ ดวงตาเรียวเล็กที่เปล่งประกาย พร้อมสรรพไปด้วยความสามารถทางการแสดงอันเฉียบขาด และน้ำเสียงหวานอันหวานหยดย้อยกล่อมให้ผู้คนต้องหลงไหลมาตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น ส่งผลให้เขาเป็นที่รักของผู้คนไม่ว่าจะทั้งเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังหน้าจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว
...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ล่วงเลยจากไอดอลวัยแรกรุ่นสู่นักแสดงหนุ่มมากประสบการณ์ กระแสความนิยมของเขาก็ยังคงติดแถวหน้าของประเทศเกาหลีใต้เสียอยู่ดี แน่นอนว่าชื่อเสียงอันล้นหลามของเขาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน
ข้อแลกเปลี่ยนซึ่งประกอบไปด้วยคำอ่านสองพยางค์สั้นๆ
‘เวลา’
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ใช่วัวถึกที่จะสามารถทำงานได้ตลอดทั้งปีทั้งชาติโดยปราศจากการหยุดพัก จองมินกับผู้จัดการของเขาได้ทำข้อตกลงกับต้นสังกัดของเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาสามารถป้อนงานให้จองมินได้เรื่อยๆตามความพอใจของต้นสังกัด แต่ต้องแลกกับการหยุดรับงานยาวหนึ่งอาทิตย์ในช่วงคริสมาสท์และปีใหม่ ลีจองมินเป็นดั่งอัญมณีอันล้ำค่าของบริษัทอันนำมาซึ่งรายได้มากมายมหาศาล แน่นอนทางนั้นไม่อาจปล่อยให้สัญลักษณ์เงินล้านอย่างเขาหลุดลอยไป การเลือกที่จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และในที่สุด... ช่วงเวลาที่เขารอคอยก็มาถึงเสียที
ที่ที่ผู้จัดการปล่อยเขาลงเป็นโบสถ์อันเงียบสงบและปราศจากผู้คนยกเว้นเสียก็แต่บาทหลวงและแม่ชีสองสามที่เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปทักทายเมื่อครู่อย่างสนิทสนม
“มาเยี่ยมครอบครัวเหรอลูก?”
“ครับคุณพ่อ... โบสถ์เงียบเหงาเหมือนเดิมเลยนะครับ” จองมินเดินขนาบข้างบาทหลวงไปตามทางเดินในตัวโบสถ์ แสงอ่อนๆจากภายนอกสะท้อนถูกกระจกแก้วสีสันสดใสกลายเป็นเงาหลากสีบางทอไปตามที่นั่งไม้และพื้นหินอ่อนอย่างงดงาม
“เป็นมาแต่ไหนแต่ไรจนคุณพ่อชินแล้วล่ะ ว่าแต่ลูกจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่ละ?”
“อ่า... คุณพ่อมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?”
“พรุ่งนี้ที่นี่จะมีพิธีมิสซาวันคริสมาสตอนหนึ่งทุ่ม ถ้าลูกยังอยู่ คุณพ่อก็ขอเชิญนะ” บาทหลวงผู้แทนตัวด้วยคำว่าคุณพ่อเอ่ยชักชวนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นสมกับบุรุษผู้รับใช้พระเจ้าและเป็นที่พึ่งของทุกคนในละแวก
“ถ้าผมมาได้ก็จะมานะครับคุณพ่อ” จองมินโค้งหลังลงอย่างนอบน้อมแล้วจึงเอ่ยขอตัว จองมินและบาทหลวงผู้นั้นแยกกันไปคนละทางโดยที่จองมินเลือกที่จะเดินออกมายังภายนอกโบสถ์ พาตัวเองเดินอ้อมมายังด้านหลังของโบสถ์
เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือรั้วเหล็กดัดสูงตะหง่าน ซี่เหล็กดัดโค้งจากซี่ใหญ่ค่อยๆถูกบีบลงจนเล็ก ที่ส่วนปลายประดับไว้ด้วยดอกไม้และใบไม้ที่ถูกดัดอย่างพิถีพิถัน ก่อให้เกิดลวดลายราวกับมีไม้เลื้อยพันอยู่บนนั้นจริงๆ
มือข้างที่ว่างดันมันจนเกิดช่องว่างเล็กๆที่กว้างพอจะพาตัวเองลอดผ่านไปได้ จองมินเดินทอดน่องไปตามทุ่งหญ้ากว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวจางๆจากหิมะ รอบตัวเขารายล้อมไปด้วยแท่นปูนและแผ่นหินสลักชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ที่มีนามว่า สุสาน
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการเดินก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าแท่นปูนหนึ่ง แผ่นหินอ่อนบนนั้นสลักชื่อของคนสองคนไว้ด้วยตัวอักษรสีทองซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคย ดาราหนุ่มเข้าไปใกล้แผ่นหินนั้นอีกเล็กน้อยแล้วจึงทรุดลงนั่งข้างๆ
“พ่อ แม่... ผมมาแล้วนะครับ”
รอยยิ้ม...ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าของชายหนุ่มยามที่เขาวางช่อดอกลิลลี่สองช่อลงด้านหน้า รอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากลีจองมิน ดาราหนุ่มผู้ทรงสเน่ห์ หากแต่เป็นลีจองมิน แก้วตาดวงใจของพ่อแม่
และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกที่จะหยุดในวันคริสต์มาสต่างจากเพื่อนร่วมวงการมากมายที่รับอีเว้นท์กันเสียยิ่งกว่าตัวเป็นเกลียว พ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถชนขณะที่เดินทางจากบ้านเกิดมาร่วมฉลองคริสต์มาสกับเขาที่ติดถ่ายละครในช่วงนั้นพอ ท่านทั้งสองอยู่ในห้องไอซียูได้แค่สองวันและเสียชีวิตพร้อมกันในวันคริสต์มาสอีฟ ทุกปีในวันคริสต์มาสอีฟเขาก็จะกลับมายังบ้านเกิดของเขา เพื่อวางดอกลิลลี่ที่หน้าแท่นหินแบบนี้
และปีนี้ก็ครบรอบสามปีแล้ว...
สามปีที่ท่านทั้งสองจากไป
สามปีที่เขาวางดอกลิลลี่สองช่อลงไป
และสามปี... ที่มีดอกทีโรสสีชมพูอ่อนวางหน้าแท่นหิน ก่อนหน้าเขาเสมอ
“ผมได้รางวัลนักแสดงนำชายดีเด่นจากละครนั้นมาด้วยแหล่ะ... นึกแล้วก็ตลก ผมว่าผมเล่นละครเรื่องนั้นได้ห่วยแตกมากๆเลยนะ ซีนอารมณ์ก็รู้สึกว่าทำออกมาได้ไม่ค่อยดี ผมละงงชะมัดตอนถูกเสนอชื่อ แม่เชื่อมั้ยครับ...ตอนนี้ผมยังงงไม่หายเลยด้วยซ้ำ! ฮ่าๆๆ”
ทุกๆครั้งชายหนุ่มจะใช้เวลาอยู่เพียงลำพังในสุสาน และเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปีนั้น ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เขาไม่จำเป็นจะต้องรีบเร่งอะไรนักเพราะเขามีเวลาทั้งวัน อีกอย่างเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องหลบปาปารัซซี่หรือนักข่าวที่ไหนเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้แอบนักข่าวหรือหลบงานออกมา แถมเขาก็มาอย่างบริสุทธิ์ใจ ต่อให้มีนักข่าวบุกเข้ามาสัมภาษณ์เขาตอนนี้ เขาก็ยินดีตอบ...
แต่โชคดีที่ไม่มีนี่สิ
“แล้ว... เจ้าของทีโรสนี้เขาว่างมากเลยเหรอครับ? เขาเอามาวางก่อนผมทุกปีเลย” มือสันทัดคว้าเอาดอกทีโรสนั้นมาหมุนเล่นในมืออย่างถือวิสาสะ พลางนึกถึงเจ้าของดอกไม้อยู่ในใจ...
“ผมไปก่อนนะครับ” ความหนาวเย็นของอากาศที่ทวีขึ้นทำให้จองมินเลือกที่จะจบบทสนทนาของเขาไว้เพียงเท่านั้นในอีกหลายนาทีต่อมา จองมินวางดอกทีโรสอิงข้างกับดอกลิลลี่ของตน เส้นผมนุ่มละเอียดค่อยลู่ลงตามการโค้งอันสุภาพและบรรจงปล่อยให้มันต้องพลิ้วไปกับสายลมหนาวเพียงชั่วครู่ แล้วจึงพาตัวเองออกมาจากสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา เขาหันกลับไปมองยังที่แห่งนั้นอีกครั้งด้วยความอาวรณ์จากส่วนลึกในใจ
ในหลายๆบทสัมภาษณ์ก่อนหน้า เมื่อใดที่เขาถูกถามถึงพ่อและแม่ของเขา...
เมื่อนั้น... ลีจองมินมักจะส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับประโยคหนึ่งที่ว่า
‘การจากลา... ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเสมอไปหรอกครับ’
เสียงใสกังวาลที่พากันขับร้องบทเพลงวันคริสต์มาสอย่างไพเราะราวกับเป็นบทเพลงจากเทวดาและนางฟ้าตัวน้อยๆที่กำลังอวยพรจองมินให้มีความสุข เหล่านักร้องคอรัสตัวน้อยบนเวทีเล็กๆกำลังโยกตัวไปตามบทเพลงและเสียงเปียโนจากหญิงสาวผู้หนึ่งที่มองเด็กๆของเธอและขยับปากร้องตามอย่างเอาใจช่วย สีหน้าของเด็กน้อยบ้างยิ้มแย้มบ้างประหม่าอย่างเห็นได้ชัดหากแต่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เสียจนจองมินหยุดอมยิ้มไปไม่ได้
นอกจากการแวะเยี่ยมครอบครัวของเขาแล้ว... การทำกิจกรรมวันคริสต์มาสกับเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ยังเป็นอีกอย่างสิ่งหนึ่งที่เขาจะต้องทำเสมอในวันคริสท์มาสอีฟแบบนี้ เขาผูกพันกับบ้านกำพร้าแห่งนี้มาแต่เล็กด้วยแม่ของเขาที่ทำงานอาสาที่นี่มาตั้งแต่เขาจำความได้และแม่ของเขาก็มักจะเป็นโต้โผในการจัดกิจกรรมและซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้เด็กๆทุกปีอีกด้วย (เว้นเสียก็แต่ปีนั้นที่พ่อกับแม่ของเขานึกครึ้มขับรถมาหาเขาที่โซลนั่นแหล่ะ)
จาก ‘จองมิน’ ของเพื่อนๆ จนกลายเป็น ‘พี่จองมิน’ ของเด็กๆ เขาก็ไม่เคยพลาดซักครั้งที่จะอยู่ฉลองวันคริสต์มาสอีฟกับทุกคนที่นี่ และเมื่อจองมินเริ่มทำงานเขาก็ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้... ถึงแม้จะเป็นโต้โผจัดกิจกรรมให้เด็กๆแบบแม่ของเขาไม่ได้ก็ตาม แต่เรื่องอื่นๆจองมินก็ไม่เคยให้บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ต้องขาดไป ของขวัญจากซานต้าครอสที่จะต้องวางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสก็เช่นกัน...
ทุกคนที่นี่แทบอยากจะยกตำแหน่งผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้าให้เขา... แต่ถึงกระนั้นก็มีคนทำหน้าที่นี้แทนเขาไปแล้ว
ก็คนจัดงานคริสต์มาสให้เด็กๆต่อจากแม่ของเขานั่นแหล่ะ
บทเพลงจบลงแล้ว... เด็กๆที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขาทยอยกันปรบมือให้กับเพื่อนๆที่ออกมาแสดง มีบ้างที่หัวเราะคิกคักล้อเลียนกันยามที่เด็กๆกลับมานั่งที่ของตัวเอง
“โชอากับชานโฮ อย่าล้อเพื่อนสิครับ... เพื่อนเขินแย่แล้วนะเห็นมั้ย!?” จองมินโน้มตัวลงไปยีหัวเด็กสองคนนั้นที่กำลังล้อเลียนท่าทางของเพื่อนอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วจึงหันไปคุยกับคุณครูของเด็กๆที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างสนิทสนม จะมีบ้างที่เขาจะลงไปเล่นเกมส์กับเด็กๆและปล่อยให้พวกเขามะรุมมะตุ้มอย่างสนุกสนานจนเขาเผลอหัวเราะร่วนด้วยน้ำเสียงสูงอย่างที่ไม่ค่อยได้พบยามอยู่ใต้แสงไฟของวงการบันเทิง(ยกเว้นแก๊กคอนเสิร์ตที่เขาไปเป็นแขกรับเชิญสองครั้ง) นั่นคงเป็นเพราะรายการวาไรตี้พวกนั้นมีแต่มุกตลกจำพวกเสียดสีแขกรับเชิญที่ไม่เคยทำให้คุณดาราลีจองมินหัวเราะออกเลยซักครั้งก็ได้
จองมินเป็นเหมือนศูนย์รวมความสนใจของเด็กๆจนเขาเองก็ไม่เป็นอันได้คุยแลกเปลี่ยนความเป็นไปของบ้านเด็กกำพร้ากับเหล่าคุณครูเท่าไหร่นัก พวกตัวป่วนของเขามักจะเรียก(หรือไม่ก็จูงกึ่งลาก)เขาออกไปเล่นด้วยกันตลอดๆหรือแม้แต่ตอนทำท่าตลกๆให้ครูช่างภาพถ่ายรูปเป็นการลงโทษที่แพ้เกมส์ และในขณะที่เขากำลังทำปากยื่นตาเหล่ตามเด็กคนนึงที่บนเวทีอยู่นั้น...
“ฮะๆๆๆๆๆๆ”
ความสนใจของเขาก็ถูกริดรอนไปหมดด้วยเสียงหัวเราะจากท้ายห้อง...
“อ้ะ! เด็กๆคะ… คุณพ่อฮยอนซองมาแล้ว เด็กๆทำยังไงเอ่ย?”
เสียงทักทายอันพร้อมเพรียงจากเด็กๆกระตุ้นให้ดาราหนุ่มบนเวทีสะดุ้งโหยงก่อนจะยืดตัวขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเองทั้งๆที่มันก็เรียบร้อยอยู่แล้ว ที่ประตูท้ายห้องปรากฏชายหนุ่มร่างกำยำในเสื้อเชิร์ตสีขาวปลดกระดุมคอ คลุมทับอีกชั้นนึงด้วยชุดคาร์ดิแกนไหมพรมขนฟูสลับสีขาว เทา และดำดูอบอุ่น เขายืนนิ่งอยู่ที่ประตูเพื่อโบกมืออย่างใจดีอยู่ซักพักแล้วจึงเดินเข้ามาข้างใน
ชิมฮยอนซอง... เจ้าของตำแหน่งเจ้าของและผู้อุปถัมภ์ของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้
โชคดีที่ว่าเขาไม่ต้องทำหน้าบูดหรือหน้าเป็นอะไรต่ออีกแล้วเพราะยามที่ผู้ชายคนนั้นโผล่มา บรรยากาศรอบตัวจองมินมันก็ดูเกร็งและขัดเขินไปเสียหมดจนจองมินไม่อยากจะทำอะไร ให้ตายเถอะ! แค่เขาเห็นสีหน้าเรียบเฉยกับรอยยิ้มจางๆของอีกฝ่ายเขาก็แทบอยากจะกระโจนลงจากเวทีนี่ไปเสียแล้ว ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรือรำคาญแต่อย่างไร...
ลึกๆแล้ว...เขาก็รู้สึกดีกับความรู้สึกแปลกๆนี้นะ
และความรู้สึกแปลกของเขานั้นก็ถูกสานต่ออย่างนิ่มนวลภายใต้ดวงตาสองคู่ที่สบกับอย่างไม่ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าพวกเขาจะเล่นอยู่กับเหล่าเด็กๆก็ตาม ในครั้งแล้วครั้งเล่านั้นก็จะมีเพียงเจ้าของหนึ่งสายตาที่หลบหนีไปเสียก่อนและเจ้าของอีกหนึ่งสายตาที่ได้ยกยิ้มประจำตัวอย่างพึงใจยามที่อีกฝ่ายเม้มริมฝีปาก โดยไร้ซึ่งบทสนทนาหรือคำทักทายใดๆต่อกัน... พวกเขาไม่ได้นั่งด้วยกันเลยเสียด้วยซ้ำ
จะมีก็เพียงตอนที่พวกเขาจับกลุ่มร้องเพลงเป็นวงกลมก็เท่านั้น... ที่ทั้งสองนั่งข้างกัน
“...”
“...”
จองมินและฮยอนซองต่างไม่ปริปากออกมา ไม่แม้แต่จะร้องเพลงกับเด็กๆเสียด้วยซ้ำราวกับพวกเขาจะกลายเป็นคนแพ้... หากใครเปิดปากก่อนแม้เพียงแค่ถอนหายใจ ทั้งสองคนทำแค่ยิ้ม ยิ้ม และยิ้มเท่านั้น
จนบางครั้งคุณครูหลายๆท่านเองก็สงสัยว่าพวกเขาไม่สนิทกันหรืออย่างไร ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็เจอกันแทบทุกปี อยู่ร่วมงานคริสต์มาสด้วยกันทุกครั้ง พลอยให้บางคนเริ่มคิดว่าทั้งสองเกลียดกันไปซะแล้ว...
แต่ใครเล่าจะรู้ได้... ว่าช่องว่างเล็กๆระหว่างช่วงแขน หรือแม้กระทั่งชั่ววินาทีที่สองสายตาสอดประสานกันโดยไม่ตั้งใจนั้นจะมีข้อความ ความรู้สึกมากมาย และเสียงกระซิบอะไรบางอย่างจากอกข้างซ้ายที่กำลังแลกเปลี่ยนแก่กันและกันอยู่
หรือแม้แต่มือทั้งสองที่ค่อยๆกุมเข้าหากันราวกับเป็นแม่เหล็กต่างขั้ว ขณะที่ทั้งสองกำลังส่งยิ้มให้กับเลนส์กล้องพร้อมกับคุณครูทุกท่านและเหล่าเด็กๆ และกระชับแน่นขึ้นไปอีกยามที่คุณครูตากล้องบอกให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นท่าตามสไตล์ ฮยอนซองแอบเหลือบตามองคนข้างกายที่ยกมือข้างขวาขึ้นชูสองนิ้วแนบระหว่างตาราวกับถ่ายรูปเซลฟี่
ไม่มีใครรู้...
“คุณครูว่าก่อนที่พวกเราจะไปนอนเนี่ย เรามาฟังเพลงเพราะๆจากพี่จองมินกันซักเพลง ดีมั้ยคะเด็กๆ?”
“ดีครับ/ค่ะ”
ผู้ถูกพาดพิงสะดุ้งเล็กน้อย เขาเบือนหน้าจากท้องฟ้ายามค่ำที่กำลังโปรยหิมะมาหาคุณครูท่านหนึ่งที่หน้าห้อง... บัดนี้เวลาสนุกของเด็กๆใกล้จะหมดเพราะถึงเวลานอนของเหล่าเด็กๆเต็มที เหล่าทูตสวรรค์ตัวน้อยของทุกคนอยู่ในชุดนอนหลากสีและส่งกลิ่นแป้งเด็กหอมฟุ้งไปทั่ว พวกเขาทำกิจกรรมช่วงค่ำต่ออีกเล็กน้อยด้วยการแสดงละครเล็กๆซึ่งจองมินเองก็มีส่วนร่วมด้วยการเป็นต้นไม้ในทุกๆฉาก ส่วนคนๆนั้นน่ะเหรอ
ก็นั่งจ้องเขาราวกับจะตะครุบกินเสียให้ได้อยู่ที่หลังห้องนั่นไง...
“ได้เลยครับ!”
ละครวันคริสต์มาสของเหล่าคุณครูกินเวลานานล่วงเลยเวลานอนปกติของเด็กๆไปพอสมควร จนเด็กๆพากันหาวหวอดทีละคนสองคน จองมินจึงไม่รอช้าที่จะตบปากรับคำ
พี่ชายของเด็กๆถัดตัวลุกขึ้นและเดินไปยังเปียโนไม้หลังเล็กบนเวที จองมินทรุดกายนิ่งเบื้องหลังคล้ายจะทำสมาธิอยู่เพียงครู่
เปล่งเสียงหวานนุ่มออกมาราวกับเกริ่นนำเรื่อง ก่อนที่นิ้วยาวจะค่อยๆดีดลงไปอย่างแผ่วเบา เสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวานชวนอบอุ่นในหัวใจ สอดรับกับเสียงร้องหวานใสที่งดงามราวกับเสียงกระดิ่งไม่แพ้กับเพลงจากเด็กที่เจ้าตัวฟังก่อนหน้า
บทเพลงจังหวะเชื่องช้าไม่หวือหวาด้วยเนื้อหาที่คล้ายกับจะอวยพรให้ทุกคนใช้เวลาในวันคริสต์มาสเล็กๆนี้น้อยอย่างมีความสุขถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงาม และอ่อนโยนราวกับผ้าหนานุ่ม สะกดให้ทุกคนนิ่งงันและยิ้มตามยามใดที่จองมินเบนหน้าและส่งยิ้มยามเปล่งเสียงร้องเพลง
ไม่รู้ด้วยเหตุใดจองมินจึงเลือกที่จะสบตาเข้าชิมฮยอนซองคนนั้นที่ไม่เคยคิดจะละสายตาไปจากเขา บทเพลงท่อนสุดท้ายค่อยๆแผ่วเบายามใกล้จบและเงียบลง
ท้ายที่สุด...คำทักทายแรกจึงถูกเอ่ยออกมาผ่านริมฝีปากบางสวยของลีจองมิน คำทักทายง่ายๆที่กลับทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในท้องไปหมดราวกับภายในนั้นบิดกลายเป็นเกลียว
“เมอร์รี่คริสต์มาสครับ”
แต่ลีจองมินก็ยังคิดว่านั่นเป็นความรู้สึกที่ดีอยู่ดี...
“คุณครูโซยูครับ คุณครูโซยู...”
“คะ? คุณจองมิน”
“คุณครูพอจะทราบมั้ยครับ ว่าคุณผู้จัดการส่วนตัวของผมเขาเอาสัมภาระผมไปเก็บไว้ที่ไหน? ผมจะได้ไปเอาของขวัญเด็กๆมา”
กว่าที่เด็กจะหลับสนิทกันหมดเล่นเอาเขาต้องเฝ้ากับคุณครูอยู่ตั้งนานสองนานแต่จองมินเองก็ไม่ได้ยี่หร่ะอะไร เพราะเขาเองก็ชอบที่จะได้มองเด็กในบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้หลับไหล มันทำให้เขารู้สึกได้เติบโตขึ้นไปอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ เช่นเดียวกับเด็กๆที่พอผ่านช่วงเวลาหลับไหลนี้ไปแล้ว พวกเขาก็จะอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน
“อ๋อ! วางอยู่ในห้องธุรการค่ะ เดี๋ยวคุณครูจุนมยอนก็คงจะเอาเข้ามาพร้อมๆกับของขวัญคุณครูนั่นแหล่ะค่ะ อ้ะ!! นั่นไงคะมากันแล้ว”
งานของเขานั้นยังไม่จบดี เขายังเหลือของขวัญกองเพนินทั้งของตัวเองที่อุตส่าห์เลือกซื้อด้วยตัวเองกับคุณผู้จัดการและทั้งของคุณครูที่ช่วยกันเตรียมมาคนละกล่องสองกล่อง
เขาและคุณครูโซยูปราดเข้าไปช่วยคุณครูหนุ่มหน้าสวยที่น่าจะชื่อว่าคิมจุนมยอนที่ยกเอาถุงพลาสติกใบใหญ่สามใบมาอย่างทุลักทะเลและคุณผู้อุปถัมภ์ที่แบกอีกสองถุงตามมาข้างหลัง
พวกเขาเผลอสบตากับอีกแล้ว... ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ?
“คุณจองมินครับ บนถุงสีชมพูนั่นเป็นจดหมายที่น้องที่ถูกรับเลี้ยงออกไปแล้วเขียนฝากไว้ให้คุณ อย่าลืมหยิบไปนะครับ” จุนมยอนแจงเมื่อดาราหนุ่มฉวยเอาถุงที่ว่าไปพอดี “น้องบางคนก็ร้องกระจองอแงจะเจอคุณจองมินก่อนไปให้ได้ พวกคุณครูปลอบกันไม่ถูกเลยล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆ น่าเสียดายจังเลยนะครับคุณครู... ผมเองก็มาได้แค่ปีละครั้งซะด้วยสิ”
“โถ่... ก็แหงแหล่ะนะคะ คุณจองมินคิวแน่นทั้งปี! เอ้อ!! เดี๋ยวฉันขอลายเซ็นคุณไว้ด้วยนะคะ แม่ฉันฝากมาขอน่ะค่ะ” หญิงสาวหัวเราะกระมิดกระเมียน
“คุณครูตรงนั้นจัดต้นคริสต์มาสกันเสร็จรึยังครับ คุณครูตรงนี้ ครูใหญ่ กับคุณจองมินแขนจะหักแล้วนะครับ” คุณครูจุนมยอนตะโกนไปยังกลุ่มคนสี่ห้าคนที่หน้าห้องกิจกรรมซึ่งกำลังรุมจัดต้นสนปลอมขนาดยักษ์กันท่าทางน่าสนุก คุณครูหนุ่มคนนั้นตะโกนซ้ำอีกรอบเมื่อคุณครูสาวตัวอ้วนป้อมที่ชื่อชินยองพยายามยกตัวขึ้นติดดาวที่ยอดต้นคริสต์มาสแถมยังกำกับซ้ำว่าให้คุณครูตากล้องที่สูงกว่าเขาหลายเซ็นเป็นคนติดแทน... ชื่อภาษาจีนว่าอี้ฟ่าน อี้ฝ่าน อี้ฝาน...อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ
“โธ่... ครูจุนมยอน วันคริสต์มาสแล้วบ่นให้มันเพลาๆลงหน่อยก็ได้นะครับ”
ลีจองมินหูผึ่งเมื่อในที่สุดผู้ชายที่ปริปากเงียบมาตลอดแทบทั้งงานก็เปิดปากพูดเสียที!
“ครูใหญ่ก็ดูครูชินยองสิครับ ทำแบบนั้นแล้วถ้าเกิดต้นคริสต์มาสล้มลงมาทั้งต้น ก็ลำบากครูอี้ฟานต้องต่ออีกนะครับ ครูอี้ฟานก็ยิ่งขี้หงุดหงิดอยู่” คุณครูจุนมยอนทรุดตัวนั่งพลางบ่นกับเจ้าของสรรพนามครูใหญ่เป็นหมีกินผึ้ง พวกเขาทั้งสี่คนเริ่มทยอยเอาของออกมาจากถุงทีละชิ้น
“แหม่... รู้จักกันดีจังเลยนะครับครูจุนมยอน”
“เฮอะ!? หึงผมรึไงครับครูใหญ่ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่มันไม่ตลกเลยนะครับคุณครู”
คุยกันยาวซะด้วย...
จองมินกรอกตามองไปยังเหล่าคุณครูที่ยังจัดต้นคริสต์มาสไม่เสร็จเสียที ดูเหมือนว่าคุณครูชินยองคนนั้นจะได้ติดดาวที่ยอดต้นสมใจอยากเพราะหล่อนให้คุณครูอี้ฟานคนนั้นยกร่างที่ดูจะหนักไม่ใช่ย่อยของหล่อนขึ้นไปจนเกือบเลยยอดต้นไม้ รายล้อมด้วยคุณครูท่านอื่นที่หัวเราะคิกคักสีหน้าบิดเบี้ยวของครูหนุ่มจนเขาเองพลอยหัวเราะไปด้วย
ใครก็รู้ว่าลีจองมินคือนักแสดงผู้มีรางวัลมากมายการันตีฝีมือ...
แค่ตีสีหน้ารื่นเริงตามบรรยากาศนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอก
“คืนนี้พักที่ไหนครับ?”
“ฮ้ะ!?”
“คุณได้ยินแล้วนี่”
นั่นคือสิ่งแรกที่ชิมฮยอนซองพูดกับลีจองมินพร้อมกับยิ้มเล็กๆในใบหน้า จองมินเหลือบตาลงจับจ้องกล่องของขวัญกล่องที่ถูกจับวางลงใต้ต้นคริสต์มาสประดับกล่องแล้วกล่องเล่าราวกับครุ่นคิด และแล้วเขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ยังไม่รู้เลยครับ... ผมคงหาโรมแรมใกล้ๆนี่แหล่ะ”
ฮยอนซองพยักหน้าช้าๆ เขาหันกลับไปจัดการกับถุงพลาสติกบรรจุกล่องของขวัญที่ข้างกายของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนอีกฝ่ายเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“พักที่บ้านผมนะครับ” เขาว่าออกมาในไม่กี่อึดใจ
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องปฏิเสธครับ ผมให้ลูกน้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าคุณไปไว้ที่บ้านผมแล้ว”
ประโยคที่ดูเหมือนประโยคคำสั่งแกมบังคับของคนข้างๆทำเอาใบหน้าของจองมินเหยเก เขาเผลอถอนหายใจออกมาเสียเสียงดังยามที่ริมฝีปากของชายคนนั้นกระตุกยิ้มอย่างหมั่นไส้
“เผด็จการไม่เปลี่ยนเลยนะครับ คุณชิมฮยอนซอง”
Paring: Hyunseong x Jeongmin
Rating: NC-17
Genre: AU, PWP
BGM: Youtube Playlist [x]
Ps.
๑. ขออนุญาติแอดมิน ไม่จั่วเรทที่หัวเรื่องนะคะ โคตาระอาย -/-
๒. หาสาระไม่เจอ... (เคยหาเจอซักเรื่องมั้ยล่ะ โว๊ะ!!)
๓. Yuletide aka. Christmas นะคะ
Because Christmas time is once a year,
and i wish for it to last a little longer.
and i wish for it to last a little longer.
-
“ตารางงานว่างไปจนถึงวันที่ 28 นี้นะ...”
“ครับ”
“จะอยู่ค้างมั้ย? ให้พี่มารับเย็นนี้เลยก็ได้นะ... จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาที่พักตอนกลางคืน”
ลีจองมินส่ายหน้าอย่างเชืองช้า ก่อนจะเอ่ยคำลากับหญิงสาวผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาผ่านช่องหน้าต่างของรถโฟล์กสวาเกนสีเขียวมะนาวที่ถูกลดหน้าต่างลงจนสุดโดยไม่ลืมที่จะกำชับกรายๆว่าเจอกันอีกทีวันที่ 28 เรือนผมเงาสีช็อกโกแลตที่เคยเรียบบัดนี้ถูกปัดเล็กน้อยไปตามแรงของลมหนาว
“งั้น...พี่จะขับรถเอาสัมภาระของเราไปไว้ให้ที่สถานเด็กกำพร้าแล้วก็กลับเลยแล้วกันนะ”
เมื่อหมดแล้วซึ่งเรื่องคุย คุณผู้จัดการจึงกดเลื่อนหน้าต่างรถขึ้นกั้นตัวเธอออกจากความหนาวเหน็บและเกล็ดหิมะรูปร่างประหลาดที่พัดแล่นเข้ามาในห้องโดยสารอย่างไม่ได้รับเชิญ เธอยกฝ่ามือขึ้นโบกลากับหนุ่มน้อยในความดูแลของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ริมฝีปากฉาบสีอ่อนของลิปสติกพึมพำออกมาเป็นประโยคที่กำลังเป็นติดปากของผู้คนในยามนี้
“เมอรี่คริสต์มาสครับ”
จองมินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเย็นและน้ำเสียงนุ่มที่ยังไงเสียเธอก็คงจะไม่ได้ยิน เขาค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการส่งคุณผู้จัดการที่กำลังขับรถออกไป
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอุ่นออกมาจนเกิดไอสีขาวตัดกันตามอุณหภูมิที่แตกต่าง ผ้าพันคอขนแกะผืนหนานุ่มขมวดพันเป็นชั้นหนาเหนือลำคอของเขาถูกดึงชายขึ้นปกปิดใบหน้าขาวใสเหลือไว้เพียงแค่ดวงตาเรียวและเรือนผมที่เริ่มมีเกล็ดหิมะเกาะประปราย มือสวยได้รูปกำเอาช่อดอกลิลลี่สองช่อข้างหนึ่งต่างจากอีกค้างที่ถูกซุกเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโอเวอร์โคทสีดำยาวระไปจนถึงต้นขา
ลีจองมินคือดาราหนุ่มผู้โด่งดังและเป็นที่จับต้องมองของคนทั้งประเทศ ด้วยเครื่องหน้าอันอ่อนวัยเกินอายุจริงที่ปาเข้าไปที่ยี่สิบปลายๆ ดวงตาเรียวเล็กที่เปล่งประกาย พร้อมสรรพไปด้วยความสามารถทางการแสดงอันเฉียบขาด และน้ำเสียงหวานอันหวานหยดย้อยกล่อมให้ผู้คนต้องหลงไหลมาตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น ส่งผลให้เขาเป็นที่รักของผู้คนไม่ว่าจะทั้งเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังหน้าจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว
...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ล่วงเลยจากไอดอลวัยแรกรุ่นสู่นักแสดงหนุ่มมากประสบการณ์ กระแสความนิยมของเขาก็ยังคงติดแถวหน้าของประเทศเกาหลีใต้เสียอยู่ดี แน่นอนว่าชื่อเสียงอันล้นหลามของเขาย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน
ข้อแลกเปลี่ยนซึ่งประกอบไปด้วยคำอ่านสองพยางค์สั้นๆ
‘เวลา’
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ใช่วัวถึกที่จะสามารถทำงานได้ตลอดทั้งปีทั้งชาติโดยปราศจากการหยุดพัก จองมินกับผู้จัดการของเขาได้ทำข้อตกลงกับต้นสังกัดของเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาสามารถป้อนงานให้จองมินได้เรื่อยๆตามความพอใจของต้นสังกัด แต่ต้องแลกกับการหยุดรับงานยาวหนึ่งอาทิตย์ในช่วงคริสมาสท์และปีใหม่ ลีจองมินเป็นดั่งอัญมณีอันล้ำค่าของบริษัทอันนำมาซึ่งรายได้มากมายมหาศาล แน่นอนทางนั้นไม่อาจปล่อยให้สัญลักษณ์เงินล้านอย่างเขาหลุดลอยไป การเลือกที่จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และในที่สุด... ช่วงเวลาที่เขารอคอยก็มาถึงเสียที
ที่ที่ผู้จัดการปล่อยเขาลงเป็นโบสถ์อันเงียบสงบและปราศจากผู้คนยกเว้นเสียก็แต่บาทหลวงและแม่ชีสองสามที่เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปทักทายเมื่อครู่อย่างสนิทสนม
“มาเยี่ยมครอบครัวเหรอลูก?”
“ครับคุณพ่อ... โบสถ์เงียบเหงาเหมือนเดิมเลยนะครับ” จองมินเดินขนาบข้างบาทหลวงไปตามทางเดินในตัวโบสถ์ แสงอ่อนๆจากภายนอกสะท้อนถูกกระจกแก้วสีสันสดใสกลายเป็นเงาหลากสีบางทอไปตามที่นั่งไม้และพื้นหินอ่อนอย่างงดงาม
“เป็นมาแต่ไหนแต่ไรจนคุณพ่อชินแล้วล่ะ ว่าแต่ลูกจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่ละ?”
“อ่า... คุณพ่อมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?”
“พรุ่งนี้ที่นี่จะมีพิธีมิสซาวันคริสมาสตอนหนึ่งทุ่ม ถ้าลูกยังอยู่ คุณพ่อก็ขอเชิญนะ” บาทหลวงผู้แทนตัวด้วยคำว่าคุณพ่อเอ่ยชักชวนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นสมกับบุรุษผู้รับใช้พระเจ้าและเป็นที่พึ่งของทุกคนในละแวก
“ถ้าผมมาได้ก็จะมานะครับคุณพ่อ” จองมินโค้งหลังลงอย่างนอบน้อมแล้วจึงเอ่ยขอตัว จองมินและบาทหลวงผู้นั้นแยกกันไปคนละทางโดยที่จองมินเลือกที่จะเดินออกมายังภายนอกโบสถ์ พาตัวเองเดินอ้อมมายังด้านหลังของโบสถ์
เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือรั้วเหล็กดัดสูงตะหง่าน ซี่เหล็กดัดโค้งจากซี่ใหญ่ค่อยๆถูกบีบลงจนเล็ก ที่ส่วนปลายประดับไว้ด้วยดอกไม้และใบไม้ที่ถูกดัดอย่างพิถีพิถัน ก่อให้เกิดลวดลายราวกับมีไม้เลื้อยพันอยู่บนนั้นจริงๆ
มือข้างที่ว่างดันมันจนเกิดช่องว่างเล็กๆที่กว้างพอจะพาตัวเองลอดผ่านไปได้ จองมินเดินทอดน่องไปตามทุ่งหญ้ากว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวจางๆจากหิมะ รอบตัวเขารายล้อมไปด้วยแท่นปูนและแผ่นหินสลักชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ที่มีนามว่า สุสาน
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการเดินก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าแท่นปูนหนึ่ง แผ่นหินอ่อนบนนั้นสลักชื่อของคนสองคนไว้ด้วยตัวอักษรสีทองซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคย ดาราหนุ่มเข้าไปใกล้แผ่นหินนั้นอีกเล็กน้อยแล้วจึงทรุดลงนั่งข้างๆ
“พ่อ แม่... ผมมาแล้วนะครับ”
รอยยิ้ม...ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าของชายหนุ่มยามที่เขาวางช่อดอกลิลลี่สองช่อลงด้านหน้า รอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากลีจองมิน ดาราหนุ่มผู้ทรงสเน่ห์ หากแต่เป็นลีจองมิน แก้วตาดวงใจของพ่อแม่
และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกที่จะหยุดในวันคริสต์มาสต่างจากเพื่อนร่วมวงการมากมายที่รับอีเว้นท์กันเสียยิ่งกว่าตัวเป็นเกลียว พ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถชนขณะที่เดินทางจากบ้านเกิดมาร่วมฉลองคริสต์มาสกับเขาที่ติดถ่ายละครในช่วงนั้นพอ ท่านทั้งสองอยู่ในห้องไอซียูได้แค่สองวันและเสียชีวิตพร้อมกันในวันคริสต์มาสอีฟ ทุกปีในวันคริสต์มาสอีฟเขาก็จะกลับมายังบ้านเกิดของเขา เพื่อวางดอกลิลลี่ที่หน้าแท่นหินแบบนี้
และปีนี้ก็ครบรอบสามปีแล้ว...
สามปีที่ท่านทั้งสองจากไป
สามปีที่เขาวางดอกลิลลี่สองช่อลงไป
และสามปี... ที่มีดอกทีโรสสีชมพูอ่อนวางหน้าแท่นหิน ก่อนหน้าเขาเสมอ
“ผมได้รางวัลนักแสดงนำชายดีเด่นจากละครนั้นมาด้วยแหล่ะ... นึกแล้วก็ตลก ผมว่าผมเล่นละครเรื่องนั้นได้ห่วยแตกมากๆเลยนะ ซีนอารมณ์ก็รู้สึกว่าทำออกมาได้ไม่ค่อยดี ผมละงงชะมัดตอนถูกเสนอชื่อ แม่เชื่อมั้ยครับ...ตอนนี้ผมยังงงไม่หายเลยด้วยซ้ำ! ฮ่าๆๆ”
ทุกๆครั้งชายหนุ่มจะใช้เวลาอยู่เพียงลำพังในสุสาน และเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปีนั้น ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เขาไม่จำเป็นจะต้องรีบเร่งอะไรนักเพราะเขามีเวลาทั้งวัน อีกอย่างเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องหลบปาปารัซซี่หรือนักข่าวที่ไหนเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้แอบนักข่าวหรือหลบงานออกมา แถมเขาก็มาอย่างบริสุทธิ์ใจ ต่อให้มีนักข่าวบุกเข้ามาสัมภาษณ์เขาตอนนี้ เขาก็ยินดีตอบ...
แต่โชคดีที่ไม่มีนี่สิ
“แล้ว... เจ้าของทีโรสนี้เขาว่างมากเลยเหรอครับ? เขาเอามาวางก่อนผมทุกปีเลย” มือสันทัดคว้าเอาดอกทีโรสนั้นมาหมุนเล่นในมืออย่างถือวิสาสะ พลางนึกถึงเจ้าของดอกไม้อยู่ในใจ...
“ผมไปก่อนนะครับ” ความหนาวเย็นของอากาศที่ทวีขึ้นทำให้จองมินเลือกที่จะจบบทสนทนาของเขาไว้เพียงเท่านั้นในอีกหลายนาทีต่อมา จองมินวางดอกทีโรสอิงข้างกับดอกลิลลี่ของตน เส้นผมนุ่มละเอียดค่อยลู่ลงตามการโค้งอันสุภาพและบรรจงปล่อยให้มันต้องพลิ้วไปกับสายลมหนาวเพียงชั่วครู่ แล้วจึงพาตัวเองออกมาจากสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา เขาหันกลับไปมองยังที่แห่งนั้นอีกครั้งด้วยความอาวรณ์จากส่วนลึกในใจ
ในหลายๆบทสัมภาษณ์ก่อนหน้า เมื่อใดที่เขาถูกถามถึงพ่อและแม่ของเขา...
เมื่อนั้น... ลีจองมินมักจะส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับประโยคหนึ่งที่ว่า
‘การจากลา... ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเสมอไปหรอกครับ’
-
เสียงใสกังวาลที่พากันขับร้องบทเพลงวันคริสต์มาสอย่างไพเราะราวกับเป็นบทเพลงจากเทวดาและนางฟ้าตัวน้อยๆที่กำลังอวยพรจองมินให้มีความสุข เหล่านักร้องคอรัสตัวน้อยบนเวทีเล็กๆกำลังโยกตัวไปตามบทเพลงและเสียงเปียโนจากหญิงสาวผู้หนึ่งที่มองเด็กๆของเธอและขยับปากร้องตามอย่างเอาใจช่วย สีหน้าของเด็กน้อยบ้างยิ้มแย้มบ้างประหม่าอย่างเห็นได้ชัดหากแต่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เสียจนจองมินหยุดอมยิ้มไปไม่ได้
นอกจากการแวะเยี่ยมครอบครัวของเขาแล้ว... การทำกิจกรรมวันคริสต์มาสกับเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ยังเป็นอีกอย่างสิ่งหนึ่งที่เขาจะต้องทำเสมอในวันคริสท์มาสอีฟแบบนี้ เขาผูกพันกับบ้านกำพร้าแห่งนี้มาแต่เล็กด้วยแม่ของเขาที่ทำงานอาสาที่นี่มาตั้งแต่เขาจำความได้และแม่ของเขาก็มักจะเป็นโต้โผในการจัดกิจกรรมและซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้เด็กๆทุกปีอีกด้วย (เว้นเสียก็แต่ปีนั้นที่พ่อกับแม่ของเขานึกครึ้มขับรถมาหาเขาที่โซลนั่นแหล่ะ)
จาก ‘จองมิน’ ของเพื่อนๆ จนกลายเป็น ‘พี่จองมิน’ ของเด็กๆ เขาก็ไม่เคยพลาดซักครั้งที่จะอยู่ฉลองวันคริสต์มาสอีฟกับทุกคนที่นี่ และเมื่อจองมินเริ่มทำงานเขาก็ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้... ถึงแม้จะเป็นโต้โผจัดกิจกรรมให้เด็กๆแบบแม่ของเขาไม่ได้ก็ตาม แต่เรื่องอื่นๆจองมินก็ไม่เคยให้บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ต้องขาดไป ของขวัญจากซานต้าครอสที่จะต้องวางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสก็เช่นกัน...
ทุกคนที่นี่แทบอยากจะยกตำแหน่งผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้าให้เขา... แต่ถึงกระนั้นก็มีคนทำหน้าที่นี้แทนเขาไปแล้ว
ก็คนจัดงานคริสต์มาสให้เด็กๆต่อจากแม่ของเขานั่นแหล่ะ
บทเพลงจบลงแล้ว... เด็กๆที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขาทยอยกันปรบมือให้กับเพื่อนๆที่ออกมาแสดง มีบ้างที่หัวเราะคิกคักล้อเลียนกันยามที่เด็กๆกลับมานั่งที่ของตัวเอง
“โชอากับชานโฮ อย่าล้อเพื่อนสิครับ... เพื่อนเขินแย่แล้วนะเห็นมั้ย!?” จองมินโน้มตัวลงไปยีหัวเด็กสองคนนั้นที่กำลังล้อเลียนท่าทางของเพื่อนอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วจึงหันไปคุยกับคุณครูของเด็กๆที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างสนิทสนม จะมีบ้างที่เขาจะลงไปเล่นเกมส์กับเด็กๆและปล่อยให้พวกเขามะรุมมะตุ้มอย่างสนุกสนานจนเขาเผลอหัวเราะร่วนด้วยน้ำเสียงสูงอย่างที่ไม่ค่อยได้พบยามอยู่ใต้แสงไฟของวงการบันเทิง(ยกเว้นแก๊กคอนเสิร์ตที่เขาไปเป็นแขกรับเชิญสองครั้ง) นั่นคงเป็นเพราะรายการวาไรตี้พวกนั้นมีแต่มุกตลกจำพวกเสียดสีแขกรับเชิญที่ไม่เคยทำให้คุณดาราลีจองมินหัวเราะออกเลยซักครั้งก็ได้
จองมินเป็นเหมือนศูนย์รวมความสนใจของเด็กๆจนเขาเองก็ไม่เป็นอันได้คุยแลกเปลี่ยนความเป็นไปของบ้านเด็กกำพร้ากับเหล่าคุณครูเท่าไหร่นัก พวกตัวป่วนของเขามักจะเรียก(หรือไม่ก็จูงกึ่งลาก)เขาออกไปเล่นด้วยกันตลอดๆหรือแม้แต่ตอนทำท่าตลกๆให้ครูช่างภาพถ่ายรูปเป็นการลงโทษที่แพ้เกมส์ และในขณะที่เขากำลังทำปากยื่นตาเหล่ตามเด็กคนนึงที่บนเวทีอยู่นั้น...
“ฮะๆๆๆๆๆๆ”
ความสนใจของเขาก็ถูกริดรอนไปหมดด้วยเสียงหัวเราะจากท้ายห้อง...
“อ้ะ! เด็กๆคะ… คุณพ่อฮยอนซองมาแล้ว เด็กๆทำยังไงเอ่ย?”
เสียงทักทายอันพร้อมเพรียงจากเด็กๆกระตุ้นให้ดาราหนุ่มบนเวทีสะดุ้งโหยงก่อนจะยืดตัวขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเองทั้งๆที่มันก็เรียบร้อยอยู่แล้ว ที่ประตูท้ายห้องปรากฏชายหนุ่มร่างกำยำในเสื้อเชิร์ตสีขาวปลดกระดุมคอ คลุมทับอีกชั้นนึงด้วยชุดคาร์ดิแกนไหมพรมขนฟูสลับสีขาว เทา และดำดูอบอุ่น เขายืนนิ่งอยู่ที่ประตูเพื่อโบกมืออย่างใจดีอยู่ซักพักแล้วจึงเดินเข้ามาข้างใน
ชิมฮยอนซอง... เจ้าของตำแหน่งเจ้าของและผู้อุปถัมภ์ของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้
โชคดีที่ว่าเขาไม่ต้องทำหน้าบูดหรือหน้าเป็นอะไรต่ออีกแล้วเพราะยามที่ผู้ชายคนนั้นโผล่มา บรรยากาศรอบตัวจองมินมันก็ดูเกร็งและขัดเขินไปเสียหมดจนจองมินไม่อยากจะทำอะไร ให้ตายเถอะ! แค่เขาเห็นสีหน้าเรียบเฉยกับรอยยิ้มจางๆของอีกฝ่ายเขาก็แทบอยากจะกระโจนลงจากเวทีนี่ไปเสียแล้ว ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรือรำคาญแต่อย่างไร...
ลึกๆแล้ว...เขาก็รู้สึกดีกับความรู้สึกแปลกๆนี้นะ
และความรู้สึกแปลกของเขานั้นก็ถูกสานต่ออย่างนิ่มนวลภายใต้ดวงตาสองคู่ที่สบกับอย่างไม่ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าพวกเขาจะเล่นอยู่กับเหล่าเด็กๆก็ตาม ในครั้งแล้วครั้งเล่านั้นก็จะมีเพียงเจ้าของหนึ่งสายตาที่หลบหนีไปเสียก่อนและเจ้าของอีกหนึ่งสายตาที่ได้ยกยิ้มประจำตัวอย่างพึงใจยามที่อีกฝ่ายเม้มริมฝีปาก โดยไร้ซึ่งบทสนทนาหรือคำทักทายใดๆต่อกัน... พวกเขาไม่ได้นั่งด้วยกันเลยเสียด้วยซ้ำ
จะมีก็เพียงตอนที่พวกเขาจับกลุ่มร้องเพลงเป็นวงกลมก็เท่านั้น... ที่ทั้งสองนั่งข้างกัน
“...”
“...”
จองมินและฮยอนซองต่างไม่ปริปากออกมา ไม่แม้แต่จะร้องเพลงกับเด็กๆเสียด้วยซ้ำราวกับพวกเขาจะกลายเป็นคนแพ้... หากใครเปิดปากก่อนแม้เพียงแค่ถอนหายใจ ทั้งสองคนทำแค่ยิ้ม ยิ้ม และยิ้มเท่านั้น
จนบางครั้งคุณครูหลายๆท่านเองก็สงสัยว่าพวกเขาไม่สนิทกันหรืออย่างไร ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็เจอกันแทบทุกปี อยู่ร่วมงานคริสต์มาสด้วยกันทุกครั้ง พลอยให้บางคนเริ่มคิดว่าทั้งสองเกลียดกันไปซะแล้ว...
แต่ใครเล่าจะรู้ได้... ว่าช่องว่างเล็กๆระหว่างช่วงแขน หรือแม้กระทั่งชั่ววินาทีที่สองสายตาสอดประสานกันโดยไม่ตั้งใจนั้นจะมีข้อความ ความรู้สึกมากมาย และเสียงกระซิบอะไรบางอย่างจากอกข้างซ้ายที่กำลังแลกเปลี่ยนแก่กันและกันอยู่
หรือแม้แต่มือทั้งสองที่ค่อยๆกุมเข้าหากันราวกับเป็นแม่เหล็กต่างขั้ว ขณะที่ทั้งสองกำลังส่งยิ้มให้กับเลนส์กล้องพร้อมกับคุณครูทุกท่านและเหล่าเด็กๆ และกระชับแน่นขึ้นไปอีกยามที่คุณครูตากล้องบอกให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นท่าตามสไตล์ ฮยอนซองแอบเหลือบตามองคนข้างกายที่ยกมือข้างขวาขึ้นชูสองนิ้วแนบระหว่างตาราวกับถ่ายรูปเซลฟี่
ไม่มีใครรู้...
“คุณครูว่าก่อนที่พวกเราจะไปนอนเนี่ย เรามาฟังเพลงเพราะๆจากพี่จองมินกันซักเพลง ดีมั้ยคะเด็กๆ?”
“ดีครับ/ค่ะ”
ผู้ถูกพาดพิงสะดุ้งเล็กน้อย เขาเบือนหน้าจากท้องฟ้ายามค่ำที่กำลังโปรยหิมะมาหาคุณครูท่านหนึ่งที่หน้าห้อง... บัดนี้เวลาสนุกของเด็กๆใกล้จะหมดเพราะถึงเวลานอนของเหล่าเด็กๆเต็มที เหล่าทูตสวรรค์ตัวน้อยของทุกคนอยู่ในชุดนอนหลากสีและส่งกลิ่นแป้งเด็กหอมฟุ้งไปทั่ว พวกเขาทำกิจกรรมช่วงค่ำต่ออีกเล็กน้อยด้วยการแสดงละครเล็กๆซึ่งจองมินเองก็มีส่วนร่วมด้วยการเป็นต้นไม้ในทุกๆฉาก ส่วนคนๆนั้นน่ะเหรอ
ก็นั่งจ้องเขาราวกับจะตะครุบกินเสียให้ได้อยู่ที่หลังห้องนั่นไง...
“ได้เลยครับ!”
ละครวันคริสต์มาสของเหล่าคุณครูกินเวลานานล่วงเลยเวลานอนปกติของเด็กๆไปพอสมควร จนเด็กๆพากันหาวหวอดทีละคนสองคน จองมินจึงไม่รอช้าที่จะตบปากรับคำ
พี่ชายของเด็กๆถัดตัวลุกขึ้นและเดินไปยังเปียโนไม้หลังเล็กบนเวที จองมินทรุดกายนิ่งเบื้องหลังคล้ายจะทำสมาธิอยู่เพียงครู่
Have yourself a merry little Christmas,
Let your heart be light
From now on, your troubles will be out of sight
Let your heart be light
From now on, your troubles will be out of sight
เปล่งเสียงหวานนุ่มออกมาราวกับเกริ่นนำเรื่อง ก่อนที่นิ้วยาวจะค่อยๆดีดลงไปอย่างแผ่วเบา เสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวานชวนอบอุ่นในหัวใจ สอดรับกับเสียงร้องหวานใสที่งดงามราวกับเสียงกระดิ่งไม่แพ้กับเพลงจากเด็กที่เจ้าตัวฟังก่อนหน้า
Have yourself a merry little Christmas,
Make the Yule-tide gay,
From now on,
Your troubles will be miles away.
Here we are as in olden days,
Happy golden days of yore.
Faithful friends who are dear to us
Gather near to us once more.
Through the years
We all will be together,
If the Fates allow
Hang a shining star upon the highest bough.
So have yourself a merry little Christmas,
Have yourself a merry little Christmas,
Make the Yule-tide gay,
From now on,
Your troubles will be miles away.
Here we are as in olden days,
Happy golden days of yore.
Faithful friends who are dear to us
Gather near to us once more.
Through the years
We all will be together,
If the Fates allow
Hang a shining star upon the highest bough.
So have yourself a merry little Christmas,
Have yourself a merry little Christmas,
บทเพลงจังหวะเชื่องช้าไม่หวือหวาด้วยเนื้อหาที่คล้ายกับจะอวยพรให้ทุกคนใช้เวลาในวันคริสต์มาสเล็กๆนี้น้อยอย่างมีความสุขถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงาม และอ่อนโยนราวกับผ้าหนานุ่ม สะกดให้ทุกคนนิ่งงันและยิ้มตามยามใดที่จองมินเบนหน้าและส่งยิ้มยามเปล่งเสียงร้องเพลง
So have yourself a merry little Christmas now
ไม่รู้ด้วยเหตุใดจองมินจึงเลือกที่จะสบตาเข้าชิมฮยอนซองคนนั้นที่ไม่เคยคิดจะละสายตาไปจากเขา บทเพลงท่อนสุดท้ายค่อยๆแผ่วเบายามใกล้จบและเงียบลง
ท้ายที่สุด...คำทักทายแรกจึงถูกเอ่ยออกมาผ่านริมฝีปากบางสวยของลีจองมิน คำทักทายง่ายๆที่กลับทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในท้องไปหมดราวกับภายในนั้นบิดกลายเป็นเกลียว
“เมอร์รี่คริสต์มาสครับ”
แต่ลีจองมินก็ยังคิดว่านั่นเป็นความรู้สึกที่ดีอยู่ดี...
-
“คุณครูโซยูครับ คุณครูโซยู...”
“คะ? คุณจองมิน”
“คุณครูพอจะทราบมั้ยครับ ว่าคุณผู้จัดการส่วนตัวของผมเขาเอาสัมภาระผมไปเก็บไว้ที่ไหน? ผมจะได้ไปเอาของขวัญเด็กๆมา”
กว่าที่เด็กจะหลับสนิทกันหมดเล่นเอาเขาต้องเฝ้ากับคุณครูอยู่ตั้งนานสองนานแต่จองมินเองก็ไม่ได้ยี่หร่ะอะไร เพราะเขาเองก็ชอบที่จะได้มองเด็กในบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้หลับไหล มันทำให้เขารู้สึกได้เติบโตขึ้นไปอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ เช่นเดียวกับเด็กๆที่พอผ่านช่วงเวลาหลับไหลนี้ไปแล้ว พวกเขาก็จะอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน
“อ๋อ! วางอยู่ในห้องธุรการค่ะ เดี๋ยวคุณครูจุนมยอนก็คงจะเอาเข้ามาพร้อมๆกับของขวัญคุณครูนั่นแหล่ะค่ะ อ้ะ!! นั่นไงคะมากันแล้ว”
งานของเขานั้นยังไม่จบดี เขายังเหลือของขวัญกองเพนินทั้งของตัวเองที่อุตส่าห์เลือกซื้อด้วยตัวเองกับคุณผู้จัดการและทั้งของคุณครูที่ช่วยกันเตรียมมาคนละกล่องสองกล่อง
เขาและคุณครูโซยูปราดเข้าไปช่วยคุณครูหนุ่มหน้าสวยที่น่าจะชื่อว่าคิมจุนมยอนที่ยกเอาถุงพลาสติกใบใหญ่สามใบมาอย่างทุลักทะเลและคุณผู้อุปถัมภ์ที่แบกอีกสองถุงตามมาข้างหลัง
พวกเขาเผลอสบตากับอีกแล้ว... ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ?
“คุณจองมินครับ บนถุงสีชมพูนั่นเป็นจดหมายที่น้องที่ถูกรับเลี้ยงออกไปแล้วเขียนฝากไว้ให้คุณ อย่าลืมหยิบไปนะครับ” จุนมยอนแจงเมื่อดาราหนุ่มฉวยเอาถุงที่ว่าไปพอดี “น้องบางคนก็ร้องกระจองอแงจะเจอคุณจองมินก่อนไปให้ได้ พวกคุณครูปลอบกันไม่ถูกเลยล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆ น่าเสียดายจังเลยนะครับคุณครู... ผมเองก็มาได้แค่ปีละครั้งซะด้วยสิ”
“โถ่... ก็แหงแหล่ะนะคะ คุณจองมินคิวแน่นทั้งปี! เอ้อ!! เดี๋ยวฉันขอลายเซ็นคุณไว้ด้วยนะคะ แม่ฉันฝากมาขอน่ะค่ะ” หญิงสาวหัวเราะกระมิดกระเมียน
“คุณครูตรงนั้นจัดต้นคริสต์มาสกันเสร็จรึยังครับ คุณครูตรงนี้ ครูใหญ่ กับคุณจองมินแขนจะหักแล้วนะครับ” คุณครูจุนมยอนตะโกนไปยังกลุ่มคนสี่ห้าคนที่หน้าห้องกิจกรรมซึ่งกำลังรุมจัดต้นสนปลอมขนาดยักษ์กันท่าทางน่าสนุก คุณครูหนุ่มคนนั้นตะโกนซ้ำอีกรอบเมื่อคุณครูสาวตัวอ้วนป้อมที่ชื่อชินยองพยายามยกตัวขึ้นติดดาวที่ยอดต้นคริสต์มาสแถมยังกำกับซ้ำว่าให้คุณครูตากล้องที่สูงกว่าเขาหลายเซ็นเป็นคนติดแทน... ชื่อภาษาจีนว่าอี้ฟ่าน อี้ฝ่าน อี้ฝาน...อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ
“โธ่... ครูจุนมยอน วันคริสต์มาสแล้วบ่นให้มันเพลาๆลงหน่อยก็ได้นะครับ”
ลีจองมินหูผึ่งเมื่อในที่สุดผู้ชายที่ปริปากเงียบมาตลอดแทบทั้งงานก็เปิดปากพูดเสียที!
“ครูใหญ่ก็ดูครูชินยองสิครับ ทำแบบนั้นแล้วถ้าเกิดต้นคริสต์มาสล้มลงมาทั้งต้น ก็ลำบากครูอี้ฟานต้องต่ออีกนะครับ ครูอี้ฟานก็ยิ่งขี้หงุดหงิดอยู่” คุณครูจุนมยอนทรุดตัวนั่งพลางบ่นกับเจ้าของสรรพนามครูใหญ่เป็นหมีกินผึ้ง พวกเขาทั้งสี่คนเริ่มทยอยเอาของออกมาจากถุงทีละชิ้น
“แหม่... รู้จักกันดีจังเลยนะครับครูจุนมยอน”
“เฮอะ!? หึงผมรึไงครับครูใหญ่ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่มันไม่ตลกเลยนะครับคุณครู”
คุยกันยาวซะด้วย...
จองมินกรอกตามองไปยังเหล่าคุณครูที่ยังจัดต้นคริสต์มาสไม่เสร็จเสียที ดูเหมือนว่าคุณครูชินยองคนนั้นจะได้ติดดาวที่ยอดต้นสมใจอยากเพราะหล่อนให้คุณครูอี้ฟานคนนั้นยกร่างที่ดูจะหนักไม่ใช่ย่อยของหล่อนขึ้นไปจนเกือบเลยยอดต้นไม้ รายล้อมด้วยคุณครูท่านอื่นที่หัวเราะคิกคักสีหน้าบิดเบี้ยวของครูหนุ่มจนเขาเองพลอยหัวเราะไปด้วย
ใครก็รู้ว่าลีจองมินคือนักแสดงผู้มีรางวัลมากมายการันตีฝีมือ...
แค่ตีสีหน้ารื่นเริงตามบรรยากาศนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอก
“คืนนี้พักที่ไหนครับ?”
“ฮ้ะ!?”
“คุณได้ยินแล้วนี่”
นั่นคือสิ่งแรกที่ชิมฮยอนซองพูดกับลีจองมินพร้อมกับยิ้มเล็กๆในใบหน้า จองมินเหลือบตาลงจับจ้องกล่องของขวัญกล่องที่ถูกจับวางลงใต้ต้นคริสต์มาสประดับกล่องแล้วกล่องเล่าราวกับครุ่นคิด และแล้วเขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ยังไม่รู้เลยครับ... ผมคงหาโรมแรมใกล้ๆนี่แหล่ะ”
ฮยอนซองพยักหน้าช้าๆ เขาหันกลับไปจัดการกับถุงพลาสติกบรรจุกล่องของขวัญที่ข้างกายของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนอีกฝ่ายเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“พักที่บ้านผมนะครับ” เขาว่าออกมาในไม่กี่อึดใจ
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องปฏิเสธครับ ผมให้ลูกน้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าคุณไปไว้ที่บ้านผมแล้ว”
ประโยคที่ดูเหมือนประโยคคำสั่งแกมบังคับของคนข้างๆทำเอาใบหน้าของจองมินเหยเก เขาเผลอถอนหายใจออกมาเสียเสียงดังยามที่ริมฝีปากของชายคนนั้นกระตุกยิ้มอย่างหมั่นไส้
“เผด็จการไม่เปลี่ยนเลยนะครับ คุณชิมฮยอนซอง”
-
Scroll Down to Continue.
แก้ไขล่าสุดโดย Bupapepe* เมื่อ Sat Jan 10, 2015 2:03 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง